วิธีเลือกซื้อ ssd M.2 อย่างไรดี

วิธีเลือกซื้อ ssd M.2 อย่างไรดี
953 View

สวัสดี แฟนเพจ one31tv.online ทุกท่าน วันนี้นำจะพาไปดูวิธีการเลือกใช้งาน เลือกซื้อ SSD สำหรับคอมพิวเตอร์ SSD คอมพิวเตอร์ที่ขาดไม่ได้สำหรับคอมพิวเตอร์ในช่วง 4-5 ที่ผ่านมาด้วยจุดเด่นด้านบน HDD ตั้งแต่แรกเริ่มทั้งส่วนอ่านและเขียนถึงหลายส่วนเช่นราคาที่ลดลงจนทำให้เข้าถึงได้จากส่วนต่างๆ ของผู้ผลิตโน้ตบุ๊กมีมากกว่า 90% ได้เปลี่ยนมาใช้ SSD อุปกรณ์แกนหลักในคอมพิวเตอร์ใหม่ ผู้ดูแลเลือก SSD สำหรับการกล่าวถึงการกล่าวถึงการวิจารณ์การวิจารณ์ก็กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าจากการใช้งานหรือ HDD กล่าวถึงการใช้ SSD ในปริมาณที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องข้อมูล บทความจะพาคุณไปสำรวจปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาเมื่อต้องการซื้อ SSD ในส่วนของกรณีของการอัปเกรดคอมพิวเตอร์เครื่องปัจจุบันของคอมเครื่องใหม่หรือการใช้งาน SSD แบบภายนอกที่มีความสำคัญ

เทคโนโลยี SSD ที่สำคัญที่จะเปิดตัวในปี 2025

ในหัวข้อนี้เรามาทำความรู้จักกับชื่อเทคโนโลยีต่างๆ ที่ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายมักใช้ในการโฆษณา SSD ของตน

PCIe4.0 / PCIe5.0 ที่รองรับ

PCIe เป็นตัวย่อของ PCI-Express ซึ่งเป็นคำย่อของคำว่า Peripheral Component Interconnect Express อีกด้วย เป็นชื่อรูปแบบการสื่อสารสำหรับการส่งข้อมูลระหว่างฮาร์ดแวร์ในระบบคอมพิวเตอร์ด้วยความเร็วสูงผ่านช่องทางบนเมนบอร์ด มักใช้ในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่ต้องการการส่งข้อมูลจำนวนมากและต้องการความเร็วสูง เช่น การเชื่อมต่อกับการ์ดจอ, SSD, การ์ด WiFi เป็นต้น รวมไปถึงการ์ดเสียง, การ์ด LAN, การ์ด USB, การ์ด Thunderbolt เนื่องจาก PCIe เป็นช่องทางการสื่อสารและพอร์ตที่ค่อนข้างอเนกประสงค์

ตัวเลขหลังแต่ละหมายเลขคือหมายเลขเวอร์ชันของเทคโนโลยี PCIe ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดที่สุดคือความสามารถในการถ่ายโอนข้อมูลด้วยความเร็วที่สูงขึ้น เวอร์ชันที่พัฒนาขึ้นแต่ละเวอร์ชันสามารถถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วกว่าเวอร์ชันก่อนหน้าประมาณสองเท่า ตัวอย่างเช่น ตัวอย่างด้านล่างเปรียบเทียบความเร็วของ PCIe 3.0, 4.0 และ 5.0 ที่ 4 เลน (x4) ซึ่งเป็นจำนวนเลนที่จัดสรรไว้โดยทั่วไปสำหรับการเชื่อมต่อกับ SSD

  • PCIe 3.0 ความเร็วสูงสุด 3.938 GB/s
  • PCIe 4.0 ความเร็วสูงสุด 7.877 GB/s
  • PCIe 5.0 ความเร็วสูงสุด 15.754 GB/s

ปัจจุบันเราอยู่ในยุค PCIe 4.0 แต่ยังคงมี SSD 3.0 ให้เลือกซื้อได้เรื่อยๆ โดยไม่มีปัญหาอะไรมากนัก ส่วน SSD PCIe 5.0 นั้นยังคงมีราคาแพงและค่อนข้างใหม่ จึงยังไม่แพร่หลายนัก

ม.2

เป็นคำศัพท์ที่มักจะมาพร้อมกับ SSD ที่มีลักษณะเป็นแท่งขนาดเล็ก เนื่องจาก M.2 เป็นชื่อของรูปร่างมาตรฐานของประเภทการ์ดฮาร์ดแวร์สำหรับใส่เข้าไปในคอมพิวเตอร์ที่ใช้การเชื่อมต่อผ่านเทคโนโลยี เช่น SATA และ PCIe ที่มีช่องสัญญาณสูงสุด 4 ช่อง โดยมีอีกชื่อหนึ่งว่า NGFF ซึ่งในปัจจุบันมีการผลิตฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ต่างๆ ในรูปแบบ M.2 เช่น SSD และการ์ด WiFi/Bluetooth เป็นต้น

เอ็นวีมี

เป็นชื่อเทคโนโลยีรูปแบบการถ่ายโอนข้อมูลความเร็วสูง (โปรโตคอล) ผ่านการเชื่อมต่อแบบ PCIe โดยจะมีชิปเข้ามาช่วยควบคุมและติดต่อสื่อสารกับชิปหน่วยความจำ โดยหน้าที่หลักคือช่วยให้ถ่ายโอนข้อมูลได้รวดเร็วที่สุด ลดความหน่วงที่อาจจะเกิดขึ้นจากส่วนต่างๆ ได้ เป็นโปรโตคอลที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อทดแทน AHCI ที่เคยใช้กับฮาร์ดดิสก์แบบหมุนมาช้านาน (ใครที่ใช้คอมพิวเตอร์ในยุค Windows XP แล้วต้องลง Windows บ่อยๆ คงจำชื่อนี้ได้ดี) สิ่งที่เหนือกว่า AHCI อย่างเห็นได้ชัดคือ NVMe รองรับการทำงานแบบขนานและรองรับคิวคำสั่งได้มากขึ้น ซึ่งเหมาะกับการใช้งานกับ SSD ที่เป็นหน่วยความจำแฟลชและเชื่อมต่อผ่าน PCIe ความเร็วสูง

สรุปง่ายๆ จาก 3 คำข้างต้นคือ:

  • PCIe 3.0/4.0 ใช้เพื่อระบุประสิทธิภาพสูงสุดของ SSD
  • M.2 ใช้เพื่อระบุว่าเป็น SSD แบบสติ๊ก
  • NVMe เป็นเทคโนโลยีซอฟต์แวร์

NAND / 3D NAND / คิวแอลซี / ทีแอลซี

NAND คือเซลล์หน่วยความจำแฟลชชนิดหนึ่งที่สามารถเก็บข้อมูลได้แม้จะไม่มีพลังงาน โดยจะจัดเก็บข้อมูลโดยการเก็บประจุไฟฟ้าไว้ในเซลล์หน่วยความจำ ซึ่งเป็นชิปหน่วยความจำที่เราใช้ใน SSD และแฟลชไดรฟ์

3D NAND เป็นหน่วยความจำประเภทหนึ่ง แต่เป็นหน่วยความจำแบบ NAND ที่เรียงชั้นเซลล์ในแนวตั้ง เพื่อให้สามารถจัดเก็บข้อมูลได้มากขึ้นโดยใช้ชิปขนาดเดียวกัน ลองนึกภาพว่า NAND ทั่วไปเป็นเหมือนหมู่บ้านที่มีบ้านชั้นเดียวในแนวนอน ซึ่งสามารถรองรับคนได้จำนวนหนึ่ง 3D NAND ก็เหมือนกับการเปลี่ยนบ้านแต่ละหลังให้เป็นคอนโดมิเนียม ดังนั้นในพื้นที่เดียวกันจึงสามารถรองรับคนได้เป็นสองเท่า SSD ส่วนใหญ่ในปัจจุบันเกือบทั้งหมดเป็น 3D NAND

ในเดือนพฤษภาคม Kioxia ร่วมมือกับ WD ประกาศแผนการวิจัยและพัฒนาหน่วยความจำ NAND ที่มีมากกว่า 300 เลเยอร์ ในขณะเดียวกัน Tokyo Electron ซึ่งเป็นผู้พัฒนาเครื่องมือเซมิคอนดักเตอร์กำลังเตรียมเผยแพร่ผลการวิจัยเกี่ยวกับกระบวนการสร้าง 3D NAND ที่มีมากกว่า 400 เลเยอร์ ซึ่งไม่ใช้พลังงานมากเกินไปและไม่ใช้สารตั้งต้นที่เป็นพิษในกระบวนการผลิต

ซีรีย์ 660p qlc พร้อมกล่อง 16x9.png.rendition.intel .web .1648.927

QLC และ TLC เป็นชื่อที่ใช้เรียกการแบ่งเซลล์หน่วยความจำ NAND ซึ่งระบุจำนวนบิตข้อมูลที่สามารถจัดเก็บภายในได้ โดยทั่วไปมี 4 ระดับ

  • SLC – 1 บิตต่อเซลล์ (แต่ละเซลล์จะเก็บข้อมูล 0 หรือ 1 ได้เพียง 1 บิต) ข้อดี: รวดเร็ว ข้อเสีย: พื้นที่เก็บข้อมูลน้อย
  • MLC – 2 บิตต่อเซลล์
  • TLC – 3 บิตต่อเซลล์
  • QLC – 4 บิตต่อเซลล์

ความแตกต่างระหว่างประสิทธิภาพพีซีของ KTC Content Solutions กับ SLC, MLC และ TLC 3D NAND อินโฟกราฟิก สหรัฐอเมริกา

SSD สำหรับผู้ใช้ทั่วไปในปัจจุบันส่วนใหญ่จะเป็น TLC และ QLC โดย TLC เร็วกว่าในขณะที่ QLC อยู่ในกลุ่ม SSD ความจุสูงในราคาที่ถูกกว่า ในการใช้งานทั่วไปนั้นไม่มีความแตกต่างกันมากนัก อย่างไรก็ตาม หากงานต้องใช้ความเร็วในการอ่าน/เขียนข้อมูล การเลือก SSD แบบ TLC จะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า อายุการใช้งานก็มักจะยาวนานขึ้นด้วย เนื่องจากเซลล์หน่วยความจำมีความสามารถในการรองรับรอบการเขียนและลบข้อมูลที่สูงกว่า หากคุณต้องการจัดเก็บข้อมูลแบบคงที่ เน้นที่ความจุสูง และไม่ต้องการเขียนและลบข้อมูลตลอดเวลา คุณสามารถเลือกซื้อ SSD แบบ QLC ได้

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ TLC และ QLC โปรดอ่าน ที่ นี่

เทคโนโลยี SSD ที่ต้องมี

จากหัวข้อข้างต้น ในปัจจุบัน ผู้ผลิตและผู้จำหน่าย SSD มักระบุข้อมูลจำเพาะคร่าวๆ ของ SSD ไว้ เช่น:

ฮาร์ดไดรฟ์ PCIe 4.0 x4 M.2 NVMe 1TB 

หากต้องการอ่านว่า SSD นี้มีเทคโนโลยีอะไรบ้าง เพียงแยกข้อมูลออกเป็นกลุ่มๆ

ฮาร์ดไดรฟ์ PCIe 4.0 x4 M.2 NVMe 1TB  

SSD รุ่นนี้จะเป็นการ์ด M.2 ที่รองรับโปรโตคอล NVMe สำหรับการถ่ายโอนข้อมูลความเร็วสูง โดยเชื่อมต่อผ่านพอร์ต PCIe ที่มีช่องมากถึง 4 ช่อง และมีความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุดเวอร์ชัน 4.0 ความจุอยู่ที่ 1TB หากถามว่าควรซื้อ SSD ใหม่แบบไหนดีถึงจะใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ แบ่งได้เป็น 2 กรณีดังนี้

SSD สำหรับการประกอบคอมพิวเตอร์ การประกอบพีซีใหม่ และการอัพเกรดคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่

ในกรณีนี้ การเลือก SSD จะขึ้นอยู่กับข้อจำกัดของเมนบอร์ดเป็นหลัก ทั้งสำหรับเดสก์ท็อปและโน้ตบุ๊ก ผู้ผลิตเมนบอร์ดและโน้ตบุ๊กจะระบุเทคโนโลยี SSD ที่ผลิตภัณฑ์ของตนรองรับ สำหรับโน้ตบุ๊ก เรื่องนี้ค่อนข้างง่าย

ในตัวอย่างด้านบนมี เว็บเพจ ที่ระบุข้อมูลจำเพาะโดยละเอียดของ Lenovo Legion Slim 7i ซึ่ง Lenovo ระบุว่าเครื่องนี้มาพร้อมกับ SSD 2280 M.2 ที่รองรับ PCIe 4.0 NVMe ช่องว่างอีกช่องหนึ่งจะรองรับ SSD 2280 M.2 ที่เชื่อมต่อผ่าน PCIe 4.0 ด้วยเช่นกัน ดังนั้นหากคุณต้องการซื้อ SSD เพื่อแทนที่ตัวเก่าหรือซื้อเพิ่มเพื่อใส่ในช่องว่างอีกช่อง คุณสามารถใช้ข้อมูลจำเพาะในส่วนนี้เพื่อค้นหารุ่น SSD ที่คุณต้องการได้

แต่ถ้าเป็นฝั่งเดสก์ท็อปพีซี คุณสามารถตรวจสอบคู่มือเมนบอร์ดได้ แต่คุณต้องดูรายละเอียดเพิ่มเติม เช่น จะเชื่อมต่อ SSD เข้ากับพอร์ตไหน SATA หรือ M.2 PCIe หากเชื่อมต่อผ่าน M.2 PCIe คุณต้องดูด้วยว่าแต่ละพอร์ตรองรับเลน PCIe กี่เลน เนื่องจากเมนบอร์ดระดับเริ่มต้นถึงระดับกลางมักจัดเลน PCIe ให้กับสล็อต M.2 SSD หลักให้มีความจุเต็มที่ x4 ในขณะที่สล็อตอื่นอาจลดลงเหลือเพียง x2 เท่านั้น หากเราซื้อ SSD สเปกสูงและใช้ในสล็อตรองที่มีเพียง x2 เลน เราจะไม่สามารถใช้ SSD ใหม่ได้เต็มประสิทธิภาพ ในกรณีนี้ เราอาจเลือก SSD ใหม่ที่ราคาถูกลงเพราะยังคงติดอยู่ที่เลน PCIe อยู่ดี

หากเมนบอร์ดที่คุณใช้มีสล็อต M.2 ทั้งหมดที่รองรับ PCIe x4 คุณก็สามารถใช้สล็อต M.2 ได้อย่างเต็มที่

ข้อมูลเพิ่มเติม:  หมายเลขเวอร์ชัน PCIe 3.0 หรือ 4.0 ไม่สำคัญมากนัก หากเมนบอร์ดหรือโน้ตบุ๊กระบุว่ารองรับ PCIe 4.0 เราก็สามารถซื้อ SSD 3.0 หรือ 4.0 ได้ แต่แน่นอนว่าหากเราซื้อ 3.0 เราจะไม่สามารถใช้ความสามารถทั้งหมดของอุปกรณ์ตามที่ผู้ผลิตออกแบบไว้ได้ หากอุปกรณ์รองรับเฉพาะ 3.0 ก็ซื้อ 3.0 ได้เลย ไม่จำเป็นต้องซื้อ 4.0 ที่แพงกว่า (แต่ถ้าจำเป็น เราก็สามารถซื้อ 4.0 ได้ แต่ประสิทธิภาพจะถูกจำกัดอยู่ที่ระดับ 3.0 เท่านั้น)

สำหรับ NVMe ปัญหานี้แทบจะไม่มีเลย เพราะปกติจะมีคำว่า PCIe ติดอยู่ด้วย ส่วน M.2 ควรเลือกซื้อตามการรองรับของเมนบอร์ดและจุดประสงค์ในการใช้งานสล็อต เช่น ถ้าเมนบอร์ดระบุว่าสล็อต M.2 หลักคือ M.2 PCIe และสล็อต M.2 รองคือ M.2 SATA และคุณต้องการซื้อเพื่อใส่ในสล็อตรอง คุณต้องเลือก M.2 SATA เท่านั้น

ความจุ SSD ที่เหมาะสม

จริงๆ แล้วเรื่องของความจุนั้นก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน ถ้าจะต้องเก็บข้อมูลในเครื่องไว้เยอะๆ หรือจะใช้ลงเกมใน SSD ก็ต้องซื้อ SSD ที่มีความจุสูงอยู่แล้ว แต่ต่อไปนี้คือแนวทางการเลือกความจุขั้นต่ำของ SSD โดยพิจารณาจากความต้องการพื้นที่ของระบบปฏิบัติการ ซอฟต์แวร์ทั่วไป และช่วงราคา

ความจุ SSD เหมาะสำหรับการสร้างคอมพิวเตอร์ การสร้างพีซีเครื่องใหม่

สำหรับการประกอบคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ ขอแนะนำให้คุณเลือก SSD สำหรับจัดเก็บข้อมูลหลักขนาดอย่างน้อย 1TB โดยที่ราคาของแบรนด์หลักตอนนี้ลดลงเหลือเพียง 2,000 – 3,000 บาทเท่านั้น แถม SSD ขนาด 500 หรือ 512GB ก็ถูกกว่าเพียงไม่กี่ร้อยบาท ขอแนะนำให้คุณอดทนรอและจ่ายเงินเพิ่มเพื่อซื้อ SSD ขนาด 1TB การมีพื้นที่มากย่อมดีกว่าการมีพื้นที่ไม่เพียงพออย่างแน่นอน หรือหากพบช่วงลดราคาดีๆ คุณอาจซื้อ SSD ยี่ห้อรองขนาด 2TB ในราคาเพียงประมาณ 3,000 บาท ซึ่งก็เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป

แต่หากงบประมาณของคุณมีจำกัดจริงๆ คุณควรซื้อ SSD อย่างน้อย 500 หรือ 512GB หากต่ำกว่านี้ หลังจากติดตั้ง Windows พื้นที่ว่างประมาณ 27GB จะหายไป ทำให้พื้นที่ว่างสำหรับติดตั้งโปรแกรมลดลง ซึ่งอาจทำให้ใช้งานไม่สะดวก

อัพเกรด SSD

ความจุ SSD เหมาะสำหรับการอัพเกรดคอมพิวเตอร์, พีซี, โน้ตบุ๊ก

หากคุณต้องการอัพเกรด SSD ให้กับคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่ มีสองสถานการณ์ทั่วไปดังต่อไปนี้:

  • เปลี่ยน HDD/SSD ที่กำลังใช้งานอยู่ปัจจุบัน
  • ค้นหา SSD และเพิ่มลงในสล็อตที่ว่างอยู่

กรณีที่ต้องเปลี่ยน HDD/SSD ที่ใช้งานอยู่ปัจจุบัน แน่นอนว่าเนื่องจากต้องการอัพเกรดสเปกให้ดีกว่าเดิม จึงต้องเปลี่ยนมาใช้ SSD ที่มีความจุมากกว่าเดิม ดังนั้นควรเช็คความจุของตัวเก่าและซื้อ SSD ใหม่ตามงบประมาณและความพอใจ เพียงแต่ให้แน่ใจว่าเป็น SSD ประเภทเดียวกับ HDD/SSD ที่ใช้งานอยู่ปัจจุบัน อย่างไรก็ตามอาจต้องตรวจสอบคู่มือหรือรายละเอียดสเปกของเมนบอร์ดหรือโน้ตบุ๊กอีกครั้งเพื่อดูว่ารองรับ SSD ได้กี่ตัวต่อสล็อต หากต้องการความแน่ใจ ให้เอาเครื่องไปที่ร้านเพื่อตรวจสอบว่าต้องซื้อ SSD ประเภทใด หรือหากสามารถถอด HDD/SSD ที่ใช้งานอยู่ปัจจุบันได้ ให้ถอดออกแล้วนำเพียงชิ้นเดียวไปให้ร้านตรวจสอบ

สตริกซ์ สการ์ จี18 DSC01067

อีกกรณีหนึ่งคือต้องหา SSD มาใส่เพิ่มในช่องว่าง สำหรับกรณีนี้มักจะเป็นในคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและโน้ตบุ๊กสำหรับเล่นเกมที่มีช่อง SSD มากกว่า 1 ช่อง โดยความจุที่แนะนำจะใกล้เคียงกัน ขึ้นอยู่กับงบประมาณและความพอใจเป็นหลัก เพราะโดยปกติแล้ว SSD เพิ่มเติมจะถูกจัดอันดับในเครื่องเป็นหน่วยความจำเสริมตามค่าเริ่มต้น เว้นแต่คุณจะติดตั้งระบบปฏิบัติการและตั้งค่าว่า SSD ตัวใดจะเป็นตัวหลักในภายหลัง

หากต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลเพิ่มเติม หรือติดตั้งเกมขนาดใหญ่ที่ไม่ต้องการติดตั้งไว้บน SSD หลักของเครื่อง ก็สามารถเลือกเป็น SSD สำรองได้ เช่น WD Blue, Kingston NV2 หรือ Samsung 970 EVO Plus ที่มีความจุ 1TB โดยมีราคาอยู่ที่ประมาณ 2,000 – 3,000 บาท หรือหากเป็นยี่ห้อสำรองก็อาจจะมีราคาถูกกว่า

ความจุ SSD ที่เหมาะสำหรับการใช้งานเป็น SSD ภายนอก

ส่วนนี้จะขึ้นอยู่กับปริมาณข้อมูลที่ต้องพกพาซึ่งต้องเคลื่อนย้ายบ่อยๆ เช่น หากคุณต้องการจัดเก็บไฟล์เอกสารหรือไฟล์ภาพเพียงไม่กี่ไฟล์ คุณอาจพิจารณาใช้ SSD ขนาด 250/256GB ในราคาไม่ถึงพัน (หรือจะใช้แฟลชไดรฟ์ก็ได้สบายๆ) ส่วนผู้ที่ต้องการพกพาไฟล์โปรเจ็กต์ขนาดใหญ่หรือไฟล์ฟุตเทจเพื่อตัดต่อ ควรค่อยๆ ขยับขึ้นไปซื้อ SSD ที่มีความจุสูงขึ้น

การเลือก SSD ตามปัจจัยรูปแบบ

SSD มี 2 ประเภทหลักๆ คือ 2.5″ และ M.2

qimg หลัก 96d7c9c3ada5668caa453d2981d3f099 lq

ก่อนอื่น คุณต้องดูประเภทของสล็อต SSD ที่คุณมี หากเป็นโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่กว่า โดยทั่วไปจะมีเพียงสล็อต M.2 SSD เหลืออยู่ อย่างไรก็ตาม รุ่นบางรุ่นอาจยังมีสล็อต SSD ขนาด 2.5 นิ้ว สำหรับเดสก์ท็อป จะง่ายกว่าเล็กน้อย หากเป็นเมนบอร์ดทั่วไปที่ออกในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยปกติจะมีสล็อต M.2 1-3 สล็อต หากคุณต้องการใช้ SSD ขนาด 2.5 นิ้ว คุณสามารถเชื่อมต่อได้ผ่านสล็อต SATA เท่านั้น เมนบอร์ดเกือบทั้งหมดมีสล็อต SATA มากเกินพอ สล็อตอย่างน้อย 4 สล็อต สิ่งหนึ่งที่ต้องดูคือสายไฟจาก PSU เพียงพอหรือไม่

สำหรับการซื้อ SSD ขนาด 2.5 นิ้ว นั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะจะเป็นแบบ SATA3 เท่านั้น ขนาดเท่ากัน คุณสามารถเลือกความจุได้ตามต้องการ มีเพียงปัญหาเรื่องความบางเท่านั้น รุ่นโน้ตบุ๊กบางรุ่นอาจต้องใช้ SSD ขนาด 2.5 นิ้วที่ค่อนข้างบาง โดยที่บางที่สุดจะอยู่ที่ 7 มิลลิเมตร ส่วน SSD แบบ M.2 นั้นก็มีข้อควรพิจารณาอีกเล็กน้อย

คีย์คอนเน็กเตอร์ M2 Edge.svg

SSD M.2 มีการออกแบบตัวเชื่อมต่อเหมือนกันคือตัวเชื่อมต่อทองเหลือง แต่การจัดวางฟันอาจมีความแตกต่างกันบ้าง ที่พบมากที่สุดคือคีย์ B และคีย์ M ซึ่งแตกต่างกันในแง่ของจำนวนเลน PCIe ที่สามารถใช้ได้ โดยคีย์ B สามารถใช้ได้สูงสุด x2 มักใช้กับอุปกรณ์ SSD SATA ส่วนคีย์ M สามารถใช้ได้สูงสุด x4 ซึ่งเป็นประเภทที่หาได้ง่ายกว่าเพราะอยู่ใน SSD NVMe ที่แทบทุกร้านมีขาย

หากต้องการดูว่าคุณจำเป็นต้องซื้อ SSD M.2 ประเภทใด คุณสามารถตรวจสอบได้ใกล้กับพอร์ต PCIe บนเครื่อง ซึ่งโดยปกติจะเขียนไว้ใกล้ ๆ ว่า M หรือ B หากเครื่องไม่เก่าเกินไป ควรใช้ปุ่ม M โดยทั่วไปแล้ว SSD เองก็เขียนไว้เช่นกัน แต่ถ้าไม่ได้เขียนไว้ คุณอาจต้องนับหมุดทองเหลืองบนฟันเล็ก ๆ หากมี 5 พิน แสดงว่าเป็นปุ่ม M หากคุณไม่แน่ใจ เราขอแนะนำไม่ให้พยายามยัดเข้าไปในช่อง เพราะอาจทำให้ฟันของ SSD แตกหรือบิ่นได้ โดยการเปรียบเทียบฟันกับช่องสำหรับใส่ฟัน คุณควรสามารถคำนวณได้ว่าสามารถใส่ได้หรือไม่

นอกจากคีย์แล้ว การเลือก SSD M.2 ยังต้องดูความยาวด้วย โดยจะระบุด้วยชุดตัวเลขที่เริ่มต้นด้วย 22 เช่น M.2 2280 ชุดตัวเลขนี้ระบุขนาดของ SSD ทั้งในด้านความกว้างและความยาว

นั่นคือ SSD M.2 ทั้งหมดจะมีความกว้างเท่ากันที่ 22 มม. ตัวเลขด้านล่างคือความยาว เช่น 2280 หมายความว่า SSD มีความยาว 80 มม. ดังนั้นเมื่อเลือกซื้อ SSD เราจะต้องดูว่าสล็อต M.2 SSD บนเมนบอร์ดมีขนาดเท่าใดที่ออกแบบมาเพื่อติดตั้ง สำหรับเมนบอร์ดเดสก์ท็อปพีซี นี่ไม่ใช่ปัญหา เพราะโดยปกติแล้วเมนบอร์ดเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาให้ติดตั้ง SSD ได้หลายขนาด แต่ในโน้ตบุ๊ก มักจะมีขนาดคงที่ที่ต้องใช้ขนาดที่ระบุเท่านั้น

หากต้องการตรวจสอบว่า SSD M.2 ขนาดใดที่สามารถใช้ได้ คุณสามารถตรวจสอบได้จากคู่มือเมนบอร์ด เว็บไซต์ของผู้ผลิต หรือหากไม่มีข้อมูลที่แท้จริง คุณสามารถวัดความยาวจริงของสล็อต M.2 ได้ เนื่องจากความยาวของแท่ง SSD มาตรฐานแตกต่างกันอย่างชัดเจน คือ 30, 42, 60, 80 และ 110 มม. จึงไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องข้อผิดพลาดในการวัดมากนัก

สุดท้ายนี้ การเลือก SSD ที่จะใช้เป็น SSD ภายนอกนั้นก็คล้ายๆ กัน โดยดูจากช่อง SSD ในกล่องใส่ SSD ที่มีอยู่เพื่อดูว่าเป็นประเภทใด หากเป็นประเภท 2.5 นิ้ว เช่น กล่อง HDD ภายนอก ก็ไม่ใช่เรื่องยาก คุณสามารถเลือกซื้อ SSD ขนาด 2.5 นิ้วแล้วใส่เข้าไปได้ทันที

หากเป็นกล่องสำหรับ SSD M.2 ก็ต้องเช็คก่อนว่ากล่องนั้นรองรับ M.2 PCIe หรือ M.2 SATA แล้วดูว่าเป็นคีย์อะไร อย่างไรก็ตาม กล่องที่ขายกันในช่วงนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกล่อง M.2 PCIe NVMe และใช้คีย์ M เป็นหลัก ดังนั้นจึงเลือกได้ไม่ยากและไม่สับสนมากนัก นอกจากนี้ บางรุ่นยังผลิตมาให้รองรับทั้งคีย์ M และ B ในหนึ่งเดียวอีกด้วย โดยบางรุ่นสามารถรองรับทั้ง M.2 SATA และ M.2 NVMe แต่ราคาก็จะสูงขึ้นตามความอเนกประสงค์ด้วยเช่นกัน

จุดที่น่าสนใจกว่าในการทำ SSD แบบ External คือพอร์ตเชื่อมต่อภายนอกและโปรโตคอลการถ่ายโอนข้อมูล หากเป็นกล่องสำหรับ M.2 NVMe มักจะมาพร้อมพอร์ต USB-C แล้ว ราคาอยู่ที่หลักร้อย คุณต้องพิจารณาคุณสมบัติของกล่องเล็กน้อย เช่น รองรับ USB-C เวอร์ชันใดและความเร็วสูงสุดคือเท่าไร แต่ถ้าคุณต้องการความเร็วสูงสุดจริงๆ ในตอนนี้ คุณต้องดูกลุ่มที่รองรับ Thunderbolt ด้วย ซึ่งราคาจะขึ้นไปถึงหลักพัน

แต่สุดท้ายแล้ว…ถ้าไม่อยากปวดหัวกับการเลือก SSD และกล่อง คุณก็สามารถเลือกใช้ SSD พกพาสำเร็จรูปจากผู้ผลิตก็ได้ ซึ่งกลุ่มนี้จะมีข้อได้เปรียบในเรื่องของความสะดวกในการใช้งาน ตัดปัญหาความปวดหัวในการเลือกอุปกรณ์ต่างๆ ไปได้หมด นอกจากนี้มักมีซอฟต์แวร์มาช่วยทำให้ใช้งานสะดวกขึ้น เพิ่มความปลอดภัยของข้อมูล หรือมีโปรแกรมปรับแต่งต่างๆ จากผู้ผลิตให้เลือกใช้มากมาย แลกกับราคาที่สูงกว่าเล็กน้อยและไม่สามารถถอดเปลี่ยน SSD ภายในเครื่องได้ง่ายๆ เพราะจะกระทบต่อการรับประกันสินค้า จึงค่อนข้างเหมาะกับการใช้งานในที่ทำงาน ใช้งานในองค์กรได้ดีมาก แถมยังไม่มีปัญหาเรื่องแรงสั่นสะเทือนเหมือน HDD แบบภายนอกอีกด้วย ดังนั้น SSD พกพาจึงได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และมีแนวโน้มราคาลดลงมาอยู่ในระดับที่ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก