วิธีเช็กและแก้ปัญหาแบต iPhone เสื่อมด้วยตัวเองแบบง่าย ๆ
สวัสดีทุกท่านครับ วันนี้ทางเว็บไซต์ one31tv.online กลับมาพร้อมสาระดี ๆ เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ไอที และมือถืออีกครั้ง คราวนี้ทีมงานจะพาทุกคนมารู้จักกับเคล็ดลับการดูแลและแก้ปัญหา “แบตเตอรี่ iPhone เสื่อม” พร้อมวิธีตรวจเช็กสุขภาพแบตที่ใคร ๆ ก็ทำได้เองที่บ้าน บอกเลยว่าช่วยประหยัดทั้งเงินและเวลาได้โคตรคุ้มครับ
iPhone ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่ได้รับความนิยมสูงสุดทั่วโลก เพราะใช้งานง่าย ครอบคลุมทั้งการทำงานและความบันเทิง แต่แน่นอนครับ ใช้ไปนาน ๆ แบตเตอรี่ย่อมเสื่อมตามเวลา เก็บไฟได้ไม่เต็มเหมือนตอนซื้อมาใหม่ โดยปกติอายุการใช้งานแบตจะอยู่ราว ๆ 1–2 ปี ขึ้นกับพฤติกรรมการชาร์จและการใช้งานของแต่ละคน และเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนจริง ๆ การใช้แบตแท้จากศูนย์ Apple ก็นับว่าคุ้มค่า ไม่ได้แพงเวอร์ แถมบางทีมีโปรลดราคาด้วย ยิ่งทำให้มั่นใจได้ทั้งการใช้งานและเพิ่มมูลค่าเวลาจะขายต่อครับ
สารพัดเรื่องเกี่ยวกับแบตเตอรี่ iPhone
- แม้จะเป็นรุ่นเก่าอย่าง iPhone 7 (เปิดตัวปี 2016) ก็ยังสามารถเปลี่ยนแบตแท้จากศูนย์ Apple ได้อยู่
- Apple Thailand และศูนย์ที่ได้รับอนุญาต มักมีโปรลดค่าเปลี่ยนแบตประมาณ 1,000 บาท เพื่อกระตุ้นให้คนเลือกใช้อะไหล่แท้
- ถ้าเช็กใน Battery Health แล้วความจุสูงสุดเหลือต่ำกว่า 80% แนะนำให้เปลี่ยนแบตทันที
วิธีสังเกตว่าแบตเตอรี่ iPhone เสื่อมหรือยัง? ต้องเสียค่าเปลี่ยนเท่าไร?
อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อม และจะชะลอได้อย่างไร?

ก่อนจะไปดูอาการแบตเสื่อม เรามาทำความเข้าใจก่อนครับว่าแบต iPhone ทำงานยังไง ภายในแบตจะมีขั้วบวก (แคโทด) ขั้วลบ (แอโนด) และอิเล็กโทรไลต์ ซึ่งทั้งหมดทำงานร่วมกันเพื่อกักเก็บไฟฟ้า ทุกวันนี้แบตสมาร์ทโฟนจะเป็นลิเธียมไอออน (Li-ion) ทั้งหมด รวมถึง iPhone ด้วย
สาเหตุหลักที่ทำให้แบตเสื่อมคือการใช้งานที่นานจนเซลล์เสื่อมตามอายุ เก็บไฟได้น้อยลง ความจุสูงสุดลดลง แรงดันไฟตก ไม่สามารถจ่ายไฟได้เต็มที่ บวกกับพฤติกรรมการใช้งาน เช่น ปล่อยให้แบตหมดจนดับบ่อย หรือใช้งานจนเครื่องร้อนเกินไป ดังนั้นควรชาร์จให้อยู่ในช่วง 20–80% จะช่วยยืดอายุแบตและลดความร้อนได้เยอะครับ
จะรู้ได้ยังไงว่าแบต iPhone เสื่อม?

สังเกตไม่ยากเลยครับ อาการแบตเสื่อมเห็นชัดมาก โดย Apple เองก็ใส่ระบบมาลดความเร็ว CPU และ GPU อัตโนมัติเพื่อให้ใช้งานได้ต่อไปแม้แบตเสื่อม ซึ่งอาการที่พบบ่อยมีดังนี้
- เปิดแอปช้ากว่าปกติ โหลดหน้านาน
- เลื่อนหน้าจอแล้วกระตุก ไม่ลื่น
- ความสว่างหน้าจอลดลง เสียงลำโพงเบาลง
- สลับแอปไม่ได้ ต้องโหลดใหม่
- ถ้าแบตใกล้หมด อาจใช้แฟลชกล้องไม่ได้
- แบตหมดไว ต้องชาร์จระหว่างวันตลอด
แต่ถึงแบตเสื่อม ฟีเจอร์หลัก ๆ ของเครื่องยังทำงานปกติ เช่น สัญญาณโทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต กล้อง GPS เซ็นเซอร์ต่าง ๆ และ Apple Pay ครับ


การเช็ก Battery Health ใน iOS ก็ง่ายมาก
- iOS 17.4 ขึ้นไป – การตั้งค่า > แบตเตอรี่ > สุขภาพแบตเตอรี่
- iOS ก่อน 17.4 – การตั้งค่า > แบตเตอรี่ > สุขภาพแบตเตอรี่และการชาร์จ
หน้าตาใหม่จะแสดงรายละเอียดดังนี้:
- สุขภาพแบตเตอรี่ – ถ้าขึ้นว่าปกติ แปลว่ายังใช้ได้ดี
- ความจุสูงสุด – เริ่มต้นที่ 100% ถ้าเหลือต่ำกว่า 80% ควรเปลี่ยนแบต
- Cycle Count – จำนวนรอบการชาร์จเต็ม (iPhone รองรับได้ราว 1,000 รอบ)
- วันที่ผลิต – วันผลิตและติดตั้งแบต
- การใช้งานครั้งแรก – วันที่เปิดใช้งานเครื่องครั้งแรก
ราคาเปลี่ยนแบตเตอรี่ iPhone ที่ศูนย์ Apple

ข้อดีของ Apple คือยังมีอะไหล่แท้ให้แม้รุ่นเก่า ๆ อย่าง iPhone 7 ก็ยังเปลี่ยนแบตแท้ได้ โดยราคาค่าเปลี่ยนมีดังนี้
| รุ่น iPhone | ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ |
| iPhone SE รุ่น 2,3 | 2,590 บาท |
| iPhone 7 / 7 Plus | 2,590 บาท |
| iPhone 8 / 8 Plus | 2,590 บาท |
| iPhone XR | 3,290 บาท |
| iPhone XS | 3,290 บาท |
| iPhone 11 Series | 3,290 บาท |
| iPhone 12 Series | 3,290 บาท |
| iPhone 13 Series | 3,290 บาท |
| iPhone 14 Series | 3,690 บาท |
| iPhone 15 Series | 3,690 บาท |
| iPhone 16e / 16 / 16 Plus | 3,690 บาท |
| iPhone 16 Pro / 16 Pro Max | 4,590 บาท |
หลายครั้ง Apple หรือร้านตัวแทนจะมีโปรลดราคาแบต 1,000 บาท ถือว่าคุ้มมาก เพราะได้ของแท้ มีประวัติซ่อมชัดเจน เวลาขายต่อก็มั่นใจกว่า
ควรเปลี่ยนแบตที่ศูนย์ Apple หรือร้านข้างนอก?

หลายคนลังเลว่าควรเข้าศูนย์ Apple หรือเปลี่ยนร้านนอกดี แต่ละแบบก็มีข้อดีข้อเสียต่างกัน
| ศูนย์ Apple | ร้านข้างนอก |
| อะไหล่แท้ มีประกันหลังซ่อม | อะไหล่หลากหลาย คุณภาพไม่แน่นอน |
| ซ่อมได้มาตรฐาน | บางร้านเสี่ยงทำชิ้นส่วนอื่นเสีย |
| ราคาสูงกว่า | ราคาถูกกว่า แต่คุณภาพเสี่ยง |
| Battery Health ใช้งานปกติ | บางร้านตัดต่อขั้วแบตเพื่อหลอกระบบ |
| Apple Care+ ยังครอบคลุม | รับประกันเฉพาะร้าน |
จากประสบการณ์ตรง บอกเลยว่าถ้าซื้อ iPhone มาหลักหมื่น การยอมจ่ายเพิ่มนิดหน่อยเพื่อเปลี่ยนแบตแท้ที่ศูนย์คือโคตรคุ้ม ทั้งปลอดภัยและทำให้ขายต่อได้ง่ายกว่ามากครับ

บางคนอาจคิดว่าเปลี่ยนแบตร้านนอกถูกกว่า แถมได้ความจุสูงกว่า แต่ส่วนใหญ่ต้องดัดแปลง เช่นตัดขั้วแบต ทำให้เสี่ยงพังในอนาคต ผมเองเคยลองเปลี่ยนร้านนอก แบตใช้ได้จริง แต่ Face ID พังเพราะช่างงัดพลาด ไม่รับผิดชอบด้วย สุดท้ายก็เสียใจครับ ตรงกันข้าม พอเปลี่ยนที่ศูนย์ แม้จ่ายแพงกว่า แต่ได้ของแท้ ใช้งานสบายใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องอะไหล่อื่นเสียหาย
สรุปง่าย ๆ ถ้าคุณอยากใช้งาน iPhone แบบมั่นใจ ไม่อยากเสี่ยง เสียเงินทีเดียวกับศูนย์ Apple คุ้มกว่าแน่นอนครับ