สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน กลับมาพบกับทีมงาน one31tv.online กันอีกครั้งเช่นเคย วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดลับง่าย ๆ ในการเพิ่มประสิทธิภาพคอมพิวเตอร์ของคุณ เพื่อให้เล่นเกมได้ลื่นไหลขึ้น ไม่สะดุด ไม่ค้าง และที่สำคัญ… ไม่ต้องเสียเงินซื้อเครื่องใหม่ก็ทำได้ในหลายกรณีครับ
หลายคนอาจเจอปัญหาเกมค้าง หรือกระตุกระหว่างเล่น ทั้งที่อินเทอร์เน็ตก็แรง เครื่องก็ดูดี แต่แท้จริงแล้วปัญหานี้มักมาจากหลายปัจจัยร่วมกัน เราจึงขอรวมสาเหตุยอดฮิตและวิธีแก้ไว้ให้ครบในบทความนี้ครับ
ตรวจสอบว่าสเปกคอมตรงตามความต้องการของเกมหรือไม่
ก่อนอื่นเลย ให้เช็กก่อนว่าคอมของคุณแรงพอสำหรับเกมที่กำลังเล่นอยู่หรือเปล่า เกมทุกเกมจะมีระบุ “สเปกขั้นต่ำ” และ “สเปกที่แนะนำ” ไว้เสมอ ไม่ว่าจะในหน้า Steam, Epic Games Store หรือแม้แต่บนกล่องแผ่นเกม (ถ้ายังซื้อแบบนั้นอยู่นะ)
ถ้าสเปกไม่ถึง เกมก็จะค้างเป็นเรื่องปกติเลยครับ

ถ้าเครื่องคุณไม่ไหวจริง ๆ อาจต้องอัปเกรดบางชิ้น เช่น RAM, การ์ดจอ หรือ CPU หรือถ้าอยากจบ ๆ ไปเลย ก็ซื้อเครื่องใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อเล่นเกมก็ได้ครับ
โอเวอร์คล็อกเกินไปก็มีผล

โอเวอร์คล็อก (Overclocking) คือการเร่งความเร็ว CPU หรือ GPU ให้เกินสเปกโรงงาน ซึ่งหลายคนทำเพื่อให้เล่นเกมลื่นขึ้น แต่หากทำมากเกินไปอาจทำให้ระบบไม่เสถียร และเกมค้างได้เช่นกัน
หากคุณโอเวอร์คล็อกไว้ แนะนำให้ลองรีเซ็ตกลับเป็นค่ามาตรฐานแล้วดูว่าอาการดีขึ้นหรือไม่
ตั้งค่ากราฟิกในเกมสูงเกินไป

เกมที่เปิดกราฟิกระดับ Ultra หรือ High แบบจัดเต็มในคอมที่ไม่แรงพอ มีสิทธิ์ค้างกลางคันได้แน่นอน แนะนำให้ปรับลดความละเอียดลง เช่น ปิดแสงสะท้อน ลดเงา ลด anti-aliasing
ปรับไปทีละจุดแล้วทดสอบดู จนเจอระดับที่ลื่นไหลแต่ภาพยังโอเคอยู่ครับ
พาวเวอร์ซัพพลายไม่พอจ่ายไฟให้การ์ดจอ

การ์ดจอแรง ๆ ต้องการไฟเยอะ ถ้า PSU (Power Supply Unit) ไม่พอจ่าย อาจทำให้เครื่องดับหรือค้างได้
แนะนำให้ดูว่า PSU ของคุณวัตต์เพียงพอกับการ์ดจอหรือไม่ หากไม่แน่ใจ ค้นชื่อรุ่น PSU กับรุ่นการ์ดจอใน Google เลยครับ หรือปรึกษาร้านที่เชี่ยวชาญก็ได้
อีกอย่าง อย่าลืมทำความสะอาดฝุ่นในเคสด้วยนะครับ ฝุ่นเยอะ ๆ ทำให้ระบายความร้อนไม่ดี แล้วเกมก็ค้างง่ายขึ้น
ระบบปฏิบัติการเก่าเกินไป

หลายเกมใหม่ ๆ ต้องการ Windows เวอร์ชันล่าสุด หรือ OS เวอร์ชัน 64-bit ขึ้นไป หากคุณยังใช้ Windows 7, 8 หรือ Windows 10 รุ่นเก่า ควรอัปเกรดโดยด่วนครับ
แม้เกมบางเกมจะรันได้บน Ubuntu หรือ Mac แต่ก็อาจมีปัญหาเรื่องไดรเวอร์ และการรองรับเช่นกัน
ไดรเวอร์ไม่อัปเดต


โดยเฉพาะไดรเวอร์การ์ดจอ ถ้าเก่าไป เกมใหม่จะเล่นไม่ได้เลย หรือค้างหนักมาก แนะนำให้เข้าเว็บไซต์ผู้ผลิต (NVIDIA, AMD, Intel) แล้วดาวน์โหลดไดรเวอร์ล่าสุดมาติดตั้งเอง
หรือใช้โปรแกรมที่ช่วยอัปเดตอัตโนมัติก็ได้ เช่น GeForce Experience
เน็ตช้าไปหรือแชร์กันหลายเครื่อง

เกมออนไลน์ลื่นได้ต้องอาศัยเน็ตเสถียร แนะนำให้เช็กความเร็วอินเทอร์เน็ต และปิดแอปอื่น ๆ ที่ใช้เน็ต เช่น Netflix, YouTube, หรือการโหลดไฟล์ระหว่างเล่นเกม
DRM หรือระบบตรวจลิขสิทธิ์ทำให้เกมค้าง

บางเกมมีระบบ DRM ที่เช็กกับเซิร์ฟเวอร์ตลอดเวลา ถ้าเน็ตช้า หรือเซิร์ฟเวอร์มีปัญหา เกมก็จะค้างแบบไม่มีเหตุผล
ถ้าเกมมีโหมด Offline ให้ลองเปิดดู อาจช่วยให้ปัญหาหายได้
โปรแกรมอื่นกินทรัพยากร

ก่อนเล่นเกม แนะนำให้ปิดแอปเบื้องหลังทั้งหมด รวมถึงโปรแกรมแชท, Discord, OBS, หรือเว็บเบราว์เซอร์ โดยเฉพาะเครื่องที่แรมไม่เยอะ
Windows มี “Game Mode” ด้วยนะครับ เปิดได้ที่ Settings > Gaming > Game Mode แล้วเปิดสวิตช์
โปรแกรมแอนตี้ไวรัสรบกวนเกม

บางครั้ง Antivirus จะคิดว่าไฟล์เกมเป็นภัย แล้วทำการสแกนหรือกักกันไว้ ทำให้เกมเปิดไม่ได้หรือค้าง
วิธีแก้: เพิ่มเกมไว้ใน Whitelist ของ Antivirus หรือใช้ Antivirus ที่มี “Game Mode”
VPN อาจเป็นตัวการ

VPN ดีในเรื่องความเป็นส่วนตัว แต่อาจลดความเร็วหรือทำให้ดีเลย์สูง หากต้องเล่นเกมออนไลน์ที่ต้องการความเร็วเต็มสปีด แนะนำให้ปิด VPN ชั่วคราว
เปิดแท็บเบราว์เซอร์ไว้เพียบ

หลายคนเล่นเกมไป เปิด YouTube ไป หรือมีแท็บ Google Chrome เปิดเป็นสิบ ก็ไม่แปลกที่คอมจะอืดจนเกมกระตุก
ปิดให้หมดครับ เหลือเฉพาะหน้าที่จำเป็น หรือเปิดผ่านมือถือแทนก็ยังได้
หวังว่าเคล็ดลับทั้งหมดนี้จะช่วยให้เกมเมอร์ทุกคนเล่นได้ลื่นขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสายเกมออนไลน์หรือออฟไลน์ครับ ถ้าเกมยังค้างแม้ทำทุกอย่างแล้ว บางทีเกมบนระบบ Cloud Gaming อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในยุคนี้ก็เป็นได้
ที่มา: makeuseof