สวัสดีครับทุกคน ทีมงานจากเว็บไซต์ one31tv.online กลับมาอีกครั้งกับสาระดี ๆ ด้านเทคโนโลยี และในวันนี้เราขอพาทุกท่านไปรู้จักกับวิธี รีเซ็ตคอมพิวเตอร์ Windows ให้กลับไปเป็นค่าจากโรงงาน (Factory Reset) ในเวอร์ชันปี 2025 ซึ่งมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้การคืนค่าระบบง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยเราจะอธิบายทีละขั้นตอนให้เข้าใจง่าย เพื่อให้คุณสามารถนำไปใช้ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นบน Windows 10 หรือ Windows 11 ก็ตาม
ก่อนเริ่มต้น อย่าลืมสำรองข้อมูลสำคัญของคุณไว้ให้เรียบร้อย เพราะการรีเซ็ตจะลบแอปพลิเคชันและอาจรวมถึงไฟล์บางส่วนในเครื่องด้วย ขอแนะนำให้ตรวจสอบให้ดีก่อนดำเนินการ
วิธีการรีเซ็ตเป็นค่าโรงงาน Windows 10 หรือ Windows 11

Microsoft ได้เพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน Windows มาตั้งแต่เวอร์ชัน 8 โดยต่อยอดมาถึง Windows 10 และ 11 ให้สามารถคืนค่าเครื่องกลับสู่สภาพโรงงานได้โดยง่าย ในกรณีที่ระบบมีปัญหาหรืออยากเริ่มต้นใหม่
สำหรับ Windows 10 ให้เข้าไปที่เมนู Settings > Update & Security > Recovery แล้วมองหา “Reset this PC” เพื่อเริ่มกระบวนการ
ใน Windows 11 ให้เข้าไปที่ Settings > System > Recovery แล้วคลิกปุ่ม “Reset PC” ได้เลย

เก็บไฟล์ของคุณไว้หรือลบทุกอย่าง

ระบบจะให้คุณเลือกว่าจะ “Keep my files” (เก็บไฟล์ของฉันไว้) หรือ “Remove everything” (ลบทุกอย่าง)
หากคุณเลือกเก็บไฟล์ไว้ ระบบจะลบแอปและการตั้งค่าทั้งหมด แต่จะยังคงรักษาไฟล์ส่วนตัวไว้ เช่น เอกสารหรือรูปภาพ ส่วนการลบทุกอย่างจะเหมือนกับการล้างเครื่องใหม่หมด
การดำเนินการบนเส้นทางการล่องเรือในเครื่อง

ขั้นตอนถัดไปคือเลือกว่าจะติดตั้ง Windows ใหม่จาก “Cloud download” หรือ “Local reinstall”
Cloud download: จะดาวน์โหลดไฟล์ Windows ล่าสุดจาก Microsoft
Local reinstall: ใช้ไฟล์ที่มีอยู่ในเครื่องโดยไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ต
หากคุณมีเน็ตแรง Cloud download จะเร็วกว่า แต่ถ้าเน็ตจำกัด แนะนำให้เลือกแบบ Local
ตัวเลือกเมื่อรีเซ็ต Windows 10 และ 11

ระบบจะแสดงรายละเอียดว่าคุณเลือกอะไรไว้ พร้อมปุ่ม “Change settings” สำหรับปรับแต่งเพิ่มเติม เช่น:
คืนค่าแอปที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้า
ลบข้อมูลอย่างปลอดภัย (Secure erase)
ลบข้อมูลจากทุกไดรฟ์ (รวมถึงไดรฟ์ภายนอก)
ข้อควรระวัง: ถ้าคุณกำลังจะขายหรือโละเครื่องเก่า ตัวเลือก Secure erase เหมาะมาก แต่ถ้ายังใช้งานอยู่ อย่ากดลบทุกไดรฟ์เด็ดขาด!
ยืนยันการดำเนินการรีเซ็ตเป็นค่าโรงงาน Windows
เมื่อพิจารณาทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ให้คลิก “Reset” เพื่อเริ่มกระบวนการ ระบบจะเตือนสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น และคุณสามารถคลิก “View apps that will be removed” เพื่อตรวจสอบรายการแอปที่โดนลบก่อนกดยืนยันสุดท้าย
หากเป็นแล็ปท็อป ควรเสียบปลั๊กไว้ตลอดการรีเซ็ต เพื่อป้องกันการดับเครื่องกะทันหัน
ติดตั้ง Windows ใหม่ด้วยตนเองโดยใช้สื่อการติดตั้ง Windows

อีกทางเลือกคือการติดตั้ง Windows ใหม่ด้วยแฟลชไดรฟ์ (USB Boot)
คุณสามารถดาวน์โหลด Media Creation Tool จากเว็บไซต์ Microsoft เพื่อทำแฟลชไดรฟ์ติดตั้ง Windows ได้ ทั้ง Windows 10 และ 11
เสียบ USB แล้วบูตจากไดรฟ์นั้น จะเข้าสู่หน้าจอติดตั้งใหม่ทั้งหมด ลบข้อมูลเก่าออกให้หมดและติดตั้ง Windows ใหม่แบบสะอาด ๆ
โปรดทราบว่าการดำเนินการนี้จะลบทุกอย่างในไดรฟ์ที่คุณติดตั้ง Windows
หากคุณยังใช้ Windows 8.1 หรือก่อนหน้านั้น ก็สามารถดาวน์โหลด ISO ได้จาก Microsoft โดยตรงเช่นกัน
รีเซ็ต Windows 10 หรือ 11 จากการบูตโดยใช้วิธีการขั้นสูง

หากคุณไม่สามารถเข้า Windows ตามปกติ หรือเกิดปัญหาร้ายแรง คุณสามารถเข้าสู่ Advanced Startup ได้โดย:
Windows 10: ไปที่ Settings > Update & Security > Recovery แล้วคลิก “Restart now”
Windows 11: ไปที่ Settings > System > Recovery แล้วคลิก “Restart now”
อีกทางคือกดปุ่ม Shift ค้างไว้แล้วคลิก Restart จาก Start Menu หรือกด F11 ระหว่างเปิดเครื่อง (ใช้ได้กับบางเครื่อง)
เมื่อเข้าสู่เมนู Advanced Startup ให้เลือก “Troubleshoot” > “Reset this PC” เพื่อเข้าสู่การรีเซ็ตแบบลึก
ใช้ Windows 10 รุ่นเก่า
ในอดีต Microsoft เคยมีฟีเจอร์ชื่อ Fresh Start ซึ่งช่วยให้คุณรีเซ็ตระบบได้แบบสะอาด แต่หลังจาก Windows 10 เวอร์ชัน 2004 เป็นต้นไป ฟีเจอร์นี้ถูกรวมไว้ในเมนู Reset ปกติแล้ว
หากคุณยังใช้ Windows 10 รุ่นเก่า อาจยังเจอเมนู Fresh Start อยู่ใน Windows Security

ตรวจสอบให้แน่ใจว่า Windows ของคุณอัปเดตล่าสุด เพื่อให้ได้ฟีเจอร์ที่ดีที่สุด หากระบบของคุณเก่ามาก ทีมงานแนะนำให้อัปเกรดเป็น Windows 11 เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพที่ดีกว่าในระยะยาวครับ
ที่มา: makeuseof , windowscentral